ถึงกับต้องร้องอู้หู เพราะราคาแรงจริงจังของรองพื้นสุดหรูหราอย่าง Dolce & Gabbana สำหรับวันนี้เราได้นำเอารองพื้นระดับHi-endจากแบรนด์สัญชาติอิตาลี ที่มีชื่อรุ่นว่า Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundation มารีวิวให้ทุกท่านได้ชม
ทางเรารู้สึกตื่นเต้นจนอยากระบายความในใจนี้พอๆกับที่ทุกท่านอยากรู้ เอาเป็นว่าหากพร้อมแล้วเชิญพิสูจน์ความปังของเจ้ารองพื้น Dolce & Gabbana ได้ ณ บัดนี้
เจ้ารองพื้น Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundation ตัวนี้เป็นรองพื้นเนื้อครีมมี่ บางเบา ไม่หนักหน้า ผสมสารบำรุงผิวดุจดั่งสกินแคร์ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใสเย้ายวนใจ มอบความชุ่มชื้นยาวนาน8ชั่วโมง
ไม่ดรอปหรือเปลี่ยนสีระหว่างวัน ปกป้องผิวของคุณจากมลภาวะและการถูกแสงแดดทำร้ายด้วย SPF 20 PA++ จำหน่ายในราคา 4,800บาท (King Power ขาย 4,080บาท)

บรรจุภัณฑ์ของ Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundation
มาสำรวจในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของรองพื้น Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundation ขอยกให้ในความหรูหรา ไฮโซ อารมณ์เหมือนสาววัยสามสิบกว่าที่ร่ำรวยด้วยเงินทองและความสามารถ ค่อนข้างมีน้ำหนักจากขวดแก้วทรงสีเหลี่ยมมน ฝาปิดแบบหมุนสีทองหรูหราสลักลายนูนสไตล์baroque ตรงกลางเขียนด้วยฟอนต์สีดำเป็นชื่อแบรนด์ Dolce & Gabbana เมื่อหมุนเปิดด้านในจะพบกับแผ่นอะไรสักอย่างปิดเนื้อรองพื้นเอาไว้ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังแถมไม้พายสำหรับตักเนื้อรองพื้นมาให้ โดยรวมแล้วส่วนตัวมองว่าบรรจุภัณฑ์ของเขาดีมากเหมาะแก่การตั้งสวยๆที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมากกว่า เนื่องจากพกพาไม่สะดวก
เฉดสีของ Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundation

ด้านสีที่ทางรองพื้น Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundationทำมาให้สาวๆได้เลือกนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 15สี ครอบคลุมทั้งอันเดอร์โทนเหลือง อันเดอร์โทนชมพู และอันเดอร์โทนธรรมชาติ นับว่าครอบคลุมรอบคอบและหลากหลายเอาใจสาวทั่วโลก

การทดสอบประสิทธิภาพ Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundation
มาถึงช่วงที่สาวๆหลายคนรอคอยกับการทดสอบประสิทธิภาพและเก็บความรู้สึกหลังการลองใช้รองพื้น Dolce & Gabbana Gloriouskin Perfect Luminous Creamy Foundationสำหรับผู้ทดสอบนั้นมีผิวหน้าแบบผสม และมันมากตรงบริเวณTโซน
เนื้อรองพื้นแบบครีมมี่ ไม่แห้งแมท มีความบางเบาและไม่หนักหน้าจริงอย่างที่ทาง Dolce & Gabbanaได้เคลมไว้ เมื่อทำการลงหนึ่งชั้นให้ความปกปิดได้อย่างดีเยี่ยม แต่ไม่ถึงกับFull coverage เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีรองพื้นนั้นมีความกลมกลืนไปกับผิวมากขึ้น ด้านของความติดทนระหว่างวันมีกิจกรรมมากมายและผ่านการรับประทานอาหารหน้าเตาร้อนๆ พบว่ารองพื้นยังคงมีความติดเกาะ ควบคุมความมันได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน
ขอบคุณภพจาก Dolce & Gabbana Official
#Dolce & Gabbana #รองพื้นระดับHi-end #ของมันต้องมี