เอาใจสายรักรองพื้นเนื้อเวลเวทแมตต์กันบ้างดีกว่า สำหรับวันนี้เราได้นำเอารองพื้นแบรนด์ Hi-end สุดหรู สุดปัง อลังการอย่าง Dior Forever Matte ตัวดังที่ใครเขาก็ว่าดี มาทำการรีวิวแบบละเอียดเจาะลึก ถึงพริกถึงขิงให้เพื่อนๆได้ทราบ งานนี้เล่นจริง เจ็บจริง ดีก็ว่าดี บ้งก็ว่าบ้ง ไม่มีอวยใดๆทั้งสิ้น แค่ได้ยินคำว่า Dior ก็ตื่นเต้นมากแล้ว แต่เจ้ารองพื้นเนื้อแมตต์ที่ว่านี้จะดีดังใจคาดหวัง และปังเช่นคำล่ำลือหรือไม่ ต้องมาดูกัน
รองพื้น Dior Forever Matte ตัวนี้ราคาค่าตัวอยู่ที่ 2,400 บาท ต่อปริมาณสุทธิ 30 มิลลิลิตร ทางแบรนด์เคลมว่ารองพื้นรุ่นนี้ให้ฟินิชลุคแบบเวลเวทแมตต์ ช่วยให้ผิวของคุณเรียบเนียนสม่ำเสมอ เบลอรุขุมขน แถมยังมีสกินแคร์ในตัวหากใช้อย่างตอเนื่องจะทำให้รูขุมขนแลดูกระชับ มาพร้อม SPF 35 PA+++
ทางด้านแพ็คเก็จจิ้งของรองพื้น Dior Forever Matte นั้นมาในขวดแก้วด้านๆทรงสี่เหลี่ยม ฝาดำ ประทับโลโก้แบรนด์เอาไว้ด้านบน การใช้งานเป็นแบบหัวปั๊ม โดยรวมแล้วไม่ได้ดูหวือหวา น่าดึงดูดมากมาย เรียบหรู มินิมอล แต่น้ำหนักดี มีมาตฐาน อยู่ในเกณฑ์พกพาสะดวก
สำหรับเรื่องสีสันของเจ้ารองพื้น Dior Forever Matte ทางแบรนด์นั้นผลิตมาทั้งหมดทั้งสิ้นจำนวน 32 สี ทางเราไม่แน่ใจว่าที่ไทยนั้นมีขายกี่เฉดสีกันแน่ ขอกล่าวโดยภาพรวมว่าทั้ง 32 สีมีความหลากหลาย เรนจ์ไกล้เคียงกัน คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับสีผิวของคุณได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมาะทั้งกับผู้ชายและผู้หญิงทุกอันเดอร์โทนผิว และทุกสีผิว
ถัดมาเรื่องของคุณภาพ ประสิทธิภาพ ย้ำว่านี่คือความคิดเห็นส่วนตัว ความรู้สึกแรกหลังจากได้สัมผัสกับเจ้ารองพื้น รองพื้น Dior Forever Matte เขามีกลิ่นของน้ำหอมอ่อนๆอยู่ด้วย แต่ไม่ได้แรงมากจนน่าเกลียด หากท่านใดแพ้หรือระคายเคืองไม่ถูกกับน้ำหอมก็ควรจะหลีกเลี่ยง เนื้อของเขาเป็นแบบครีมมี่ ไม่หนืดหรือเหลวจนเกินไป เกลี่ยง่าย
ให้การปกปิดแบบปานกลางถึงขั้นสุด(เราสามารถเลือกได้โดยการลงเพิ่มทีละเลเยอร์ตามใจชอบ) กลบรอยคล้ำ รอยดำ รอยแดง กระบนใบหน้าเล็กๆน้อยๆดี เบลอรูขุมขนได้ชนิดที่ว่าไม่ต้องพึ่งไพรม์เมอร์ ให้ฟินิชลุคแบบแมตต์กำลังดีที่ไม่แห้งเกรอะ ไม่หนาตึบ คงความธรรมชาติ สบายผิวมาก
และเมื่อเวลาผ่านไปในสภาพอากาศร้อนหน้าจะโกลว์ขึ้นมาประมาณหนึ่ง(ไม่ใช่มันเยิ้ม) ยังให้งานผิวที่ดี ไม่เป็นคราบ ไม่แยกชั้น ไม่ตกร่อง แต่สีของเขาค่อนข้างดรอประหว่างวันเล็กน้อย ความติดทนอยู่ได้ตลอดทั้งวัน
#ยี่ห้อไหน #ของมันต้องมี #เคาน์เตอร์แบรนด์