รีวิว Crème de La Mer ตำนานที่ยังมีให้ใช้ ครีมในดวงใจของใครหลายคน

รีวิว Crème de La Mer ตำนานที่ยังมีให้ใช้ ครีมในดวงใจของใครหลายคน

คุณ Clyde Johnson, La Mer Global Head of Skincare Artistry เคยกล่าวประโยคหนึ่งเกี่ยวกับ La Mer(ลาแมร์)ที่สามารถแปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “เมื่อผมนึกถึงว่าผลิตภัณฑ์จากลาแมร์จะให้อะไรกับเราบ้าง ผมนึกถึงคำว่าการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งหากเรานำคำว่า “การเปลี่ยนแปลง” ของคุณ Clyde Johnson มาขยายความ การเปลี่ยนแปลงในที่นี้นั้นไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงของผิวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาของส่วนผสมอันส่งคุณค่าที่ผ่านการหมักหรือกระบวนการกรรมวิธีที่พิถีพิถันจนได้ส่วนผสมอันล้ำค่าที่สุด ไปจนถึงการที่ส่วนผสมเหล่านั้นได้ให้การเปลี่ยนแปลงของผิวเรา

ความลับของส่วนผสมเอกสิทธิ์เฉพาะจาก La Mer

หลาย ๆ คนอาจยังไม่ทราบ คำว่า La Mer (ลาแมร์)นั้นมาจากภาษาฝรั่งเศสที่มีความหมายว่า “ทะเล” ทำให้ส่วนผสมในตัวเนื้อครีมของเขาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับทะเลหรือมาจากทะเล แต่ใน Crème de La Mer ตำนานมอยเจอร์ไรเซอร์สุดโด่งดังไปทั่วโลกนี้นั้นมีส่วนผสมลับ ซึ่งเป็นเอกสิทธิเฉพาะของ La Mer เท่านั้นอยู่ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้นั้นทั้งคุ้มค่ากับราคาที่แสนแพงและทำให้ La Mer โดดเด่นจนโด่งดังไปทั่วโลกจากผลลัพธ์ที่แก้ปัญหาได้หลายจุดและยังเห็นผลเร็ว เรียกส่วนผสมลับนั้นว่า “Miracle Broth™

Miracle Broth™ คืออะไรกัน?

Miracle Broth™คือน้ำสกัดสุดเข้มข้นซึ่งถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและความลับในการเปลี่ยนแปลงของ La Mer มาตลอด โดยเจ้า Miracle Broth™ เป็นส่วนผสมสุดจะล้ำค่าที่อัดแน่นไปด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและยังเป็นหัวใจสำคัญใน “ทุกสกินแคร์” ของ La Mer อีกด้วยล่ะ โดยใน Miracle Broth™ จะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่หาได้จากธรรมชาติรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ คือ 

1.HIGH-ENERGY INGREDIENTS (สาหร่ายซีเคลป์)

“สาหร่ายซีเคลป์” ถือว่าเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วชนิดหนึ่งของโลกเชียว โดยผู้เชี่ยวชาญจาก La Mer จะนำเจ้าสาหร่ายซีเคลป์มาสลัดอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน จนได้เป็นสารสกัดจากท้องทะเลอันส่งคุณค่าในที่สุด

2.SLOW-CRAFT FERMENTATION™

กระบวนการที่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหาได้แค่ที่ La mer เพียงเท่านั้น โดยกระบวนการนี้คือการหมักบ่มด้วยความใส่ใจและเทคโนโลยีต่าง ๆ จนทำให้เราได้สารสกัดต่าง ๆ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นส่วนผสมอันทรงคุณค่ามากมายหลากหลายชนิดที่ผิวของเรานั้นจะสามารถรับการฟื้นฟูจากสารสกัดได้ดี

3. ENHANCED ENERGY + SUPREME SOOTHING

เป็นอีกกระบวนการหมักบ่มที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของ La Mer โดยทางเคาน์เตอร์แบรนด์นั้นจะนำสารที่ได้สกัดออกมาจากครั้งก่อน นำมาหมักและผสมผสานรวมกันใหม่อีกครั้ง ใช้ระยะเวลาการหมักบ่มนานถึง 3-4 เดือน เพื่อให้สารสกัดของเรานั้นมีคุณสมบัติดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงมีอนุภาพที่สามารถซ่อมแซมและบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด!

Crème de La Mer ช่วยดูแลผิวในเรื่องอะไรกันบ้าง

แน่นอนว่า Crème de La Mer นั้นเป็นครีมมอยเจอร์ไรเซอร์แบบหนึ่ง ทำให้เจ้าตัวสกินแคร์นี้นั้นโดดเด่นในเรื่องของการเติมเต็มในให้กับผิว ทำให้ใบหน้าชุ่มชื่น อิ่มน้ำ ซึ่งการที่ใบหน้าของเรานั้นอิ่มน้ำก็จะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้าได้เยอะแยะมากมาย และยิ่งเจ้าสกินแคร์เคาน์เตอร์แบรนด์นี้นั้นเข้มข้นและอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมนานาประโยชน์จากธรรมชาติอำว้มากมาย ก็ยิ่งช่วยให้ใบหน้านั้นแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภพาและรวดเร็ว โดยปัญหาเรื่องริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อยและยังรูขุมขนกว้างจะจบลงในกระปุกนี้เลยค่ะ เพราะผู้คนที่ใช้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแม้ราคาจะสูงแต่ผลลัพธ์นั้นเรียกได้ว่าสมน้ำสมเนื้อสุด ๆ และทุกคนยังจำหัวใจหลักของ La Mer ได้มั้ยคะ เจ้า Miracle Broth™ สุดเข้มข้นนี้เองที่อุดมไปด้วยสารสกัดมากมายที่ถูกออกแบบมาให้เสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นฟูและบำรุงของผิวตามธรรมชาติ ปลอบประโลมผิวบอบบาง เพื่อความนุ่มเนียน ชุ่มชื่น เปล่งประกายสดใสออกมาได้ในที่สุด

เคาน์เตอร์แบรนด์ , ของมันต้องมี , เซรั่มยี่ห้อไหน , รองพื้นอะไรดี

ขอขอบคุณรูปภาพ รูปที่1 https://www.beauticool.com 

รูปที่2 https://www.youtube.com 

รูปที่3 https://www.vogue.co.th